springgreenのブログ

タイ料理のレシピ รวมสูตรอาหารไทย

ผักเคล คืออะไร ทำไมถึงได้ชื่อว่าเป็นราชินีแห่งผัก

เทรนด์ปัจจุบันคนหันมาดูแลสุขภาพกันมากยิ่งขึ้น เนื่องมาจากปัญหาโควิด 19 หรือ ฝุ่น PM 2.5 ที่อาจส่งผลต่อการดูแลสุขภาพมากยิ่งขึ้น ทำให้แนวคิดของผู้บริโภคเปลี่ยนไป ผลิตภัณฑ์หรือบริการที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพก็เริ่มเกิดขึ้นอย่างมากมาย หากสายสุขภาพหลายคนจะรู้จัก คีโต เมล็ดเจีย กันอยู่แล้ว และคงไม่มีใครรู้จัก ผักเคล


เราสามารถดูแลสุขภาพโดยเริ่มต้นที่ตัวเราก่อนได้นั่นก็คือ การกิน นั่นเอง วันนี้เราจะพาไปรู้จักกับ เคล คืออะไร ทำไมใครๆ ให้ชื่อว่าเป็น ราชินีแห่งผักใบเขียว ทำไมถึงเป็นเทรนด์ที่นิยมอย่างมากในอมู่คนรักสุขภาพขนาดนี้ วันนี้ แอดมินจะพาไปรู้จักกับเคล ให้มากยิ่งขึ้นกัน


เคล หรือที่ใครๆ เรียกกันว่า ผักคะน้าใบหยิกใครหลายคนเมื่อได้ทานแล้วนึกสงสัยง่าทำไมถึงมีรสชาติคล้าย คะน้า เนื่องมาจากเคลนั้น เป็นพืชผักที่อยู่ตระกูล หรือ สายพันธุ์เดียวกับ ผักคะน้า ผักเคลยังอยู่ในตระกูลเดียวกันกับ กะหล่ำปลี และ บล็อคโคลี่ ด้วย


7 คุณประโยชน์ผักแคล :

ถึงมีรูปลักษณ์ไม่สวยงาม ไม่น่ารับประทาน แต่หากได้รู้สรรพคุณที่อัดแน่นของผักเคลแล้ว คุณต้องรีบไปซุปเปอร์มาร์เก็ตหาซื้อผักเคลมากินในอาหารมื้อต่อไปแน่ เพราะประโยชน์ของผักเคลมีมากมายจริงๆ ผศ.ดร.ทพญ.ดุลยพร ที่ชอบกินผักและกินผักเคลเป็นประจำ สรุปประโยชน์ของผักเคลตามลำดับสรรพคุณโดดเด่น ดังนี้


1. ผักเคลมี “วิตามินเค” สูงที่สุดในบรรดาผักใดๆ ในโลก หากกินผักเคล 1 ถ้วย เท่ากับร่างกายได้รับวิตามินเคถึง 6 เท่าของความต้องการต่อวัน หรือกินแค่ต้นสองต้นประมาณ 10-20 กรัม ก็ได้รับวิตามินเคเท่าความต้องการของร่างกาย ซึ่งวิตามินเคดีต่อเซลล์สมอง กระดูก และระบบเลือด ช่วยป้องกันการอุดตันของเส้นเลือด และช่วยในการแข็งตัวของเลือดหากมีบาดแผลจนสูญเสียเลือดมาก ช่วยให้เลือดหยุดได้ง่าย วิตามินเคจำเป็นกับทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะผู้สูงอายุ หากพลั้งพลาดเกิดอุบัติเหตุเลือดไหล หากขาดวิตามินเค ไม่มีคนดูแล มาช่วยปฐมพยาบาล หรือส่งไปรักษาช้า จะทำให้สูญเสียเลือดเยอะ เกิดภาวะช็อก และอาจเสียชีวิตได้


2. ผักเคลมีแร่ธาตุโพแทสเซียมสูงมาก เป็นแร่ธาตุสำคัญ และจำเป็นต่อร่างกาย ช่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้เป็นปกติ


3. ผักเคลจุดเด่นคือมีสีเขียวเข้ม ทำให้มีคลอโรฟิลล์ (chlorophyll) ค่อนข้างสูง ซึ่งรายงานวิจัยระบุไว้ว่า คลอโรฟิลด์ช่วยให้ร่างกายลดการดูดซึมสาร “เฮทเทอโรไซคลิก อะโรมาติก เอมีน” (heterocyclic aromatic amines) หรือสารก่อมะเร็งจากอาหารประเภทปิ้งย่างเข้าสู่ร่างกาย คลอโรฟิลด์จะไปจับและขับออกจากร่างกาย


4. ผักเคลมีวิตามินซีสูง หากกินผักเคล 100 กรัม จะได้รับวิตามินซี 120 มิลลิกรัม ซึ่งวิตามินซีช่วยสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง ป้องกันหวัด ช่วยให้ระบบข้อต่อแข็งแรง แนะนำควรกินสดๆ เพื่อไม่ให้สูญเสียวิตามินซี หรือมีเมนูแนะนำ อบ 200 องศาฯ ก็จะได้กินผักเคลที่กรอบ แต่วิตามินซีหายเพราะไม่ทนความร้อน


5. ผักแคลมีแคลเซียมสูง แต่การดูดซึมของร่างกายไม่ดีเท่ากับดื่มนม


6. ผักเคลมีเบต้าแคโรทีน (beta-carotene) โดยปกติร่างกายของมนุษย์เราสามารถเปลี่ยนเบต้าแคโรทีนไปเป็นวิตามินเอ จึงช่วยบำรุงสายตาให้มองเห็นในที่มืดได้ดี ลดความเสื่อมของตา ลดการเป็นต้อกระจก และช่วยให้ผิวพรรณสดใส สุขภาพดี ไม่มีริ้วรอยแก่ก่อนวัย


7. ผักเคล มีไฟเบอร์เยอะ และมีน้ำในตัว ช่วยเรื่องการขับถ่าย เหมาะกับผู้ท้องผูกบ่อยๆ และช่วยเพิ่มการจับและขับคอเลสเตอรอลออกจากร่างกาย เหมาะกับผู้ที่มีคอเลสเตอรอลสูง


ผักเคล กินเป็นช่วยลดโรค 5 ข้อคิด ก่อนกินผักเคล :

ด้วยผักเคลอุดมด้วยแร่ธาตต่างๆ "กินน้อยๆ ได้ประโยชน์ ทานโอเวอร์โหลดก่อโทษได้" ผศ.ดร.ทพญ.ดุลยพร ให้คำแนะนำการกินผักเคลในผู้ป่วยโรคต่างๆ เพื่อได้รับประโยชน์ที่ดี ดังนี้


1. ผู้ป่วยโรคหัวใจ ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงในระยะเริ่มต้นที่ยังไม่ได้ใช้ยา หมอให้ควบคุมอาหาร และหมั่นออกกำลังกาย ควรกินผักเคล เพราะผักเคลมีเแคลเซียม โพแทสเซียม แต่โซเดียมต่ำ แต่หากเริ่มกินยารักษาความดัน หรือทานยาลดหัวใจ ต้องระวังอย่ากินเยอะ เพราะผักแคลมีโปแทสเซียมสูง จะไปต้านฤทธิ์ของยาที่กินรักษาโรคได้


2. ผักเคลมีวิตามินเคสูง จึงเหมาะกับผู้ที่ขาดวิตามินเค โดยเฉพาะกลุ่มคนรับประทานอาหารเสริม เช่น วิตามินอี วิตามินเอ


3. ผู้ที่รับประทานยาที่ต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ควรกินผักเคลน้อยๆ ครั้งละต้นสองต้น ประมาณ 10 กรัม แต่อย่ากินผักเคลเยอะ เพราะวิตามินเคในผักเคลจะไปช่วยให้เลือดแข็งตัว ทำให้เลือดไหลหมุนเวียนได้ไม่สะดวก


4. ผู้ป่วยโรคไตไม่ควรกินผักเคล เพราะผู้ป่วยต้องควบคุมอาหารที่มีโปแทสเซียมสูง หากต้องฟอกไต คนไข้จะไม่สามารถขับโปแทสเซียมออกจากร่างกาย หากมีโปแทสเซียมสูงจะเป็นอันตรายกับคนไข้


5. ผักเคลมีไฟเบอร์สูง มีรายงานวิจัยไว้ หากนำมา “นึ่ง” แล้วรับประทานแทนการกินสด จะช่วยเพิ่มการจับและขับคอเลสเตอรอลออกจากร่างกายได้ดีกว่า ผู้ที่มีคอเลสเตอรอลสูงจึงควรกินผักเคลนึ่ง


หากอยากเก็บผักเคลให้ทานได้นานๆ แนะนำ ตู้แช่ผัก ตู้แช่ผลไม้จาก SGE ที่ทำความเย็นได้อย่างสม่ำเสมอ กระจายความเย็นช่วยให้ผักเคลสดนาน และตู้แช่ผักของเรายังควบคุมอุณหภูมิได้ตั้งแต่ 0- 10 องศา (โดยอุณหภูมิในการเก็บรักษาผักที่ดีควรอยู่ที่ประมาณ 10 องศา) โดย ตู้แช่ผัก ของเรา ทำความเย็นด้วยระบบ Fan cool ไม่มีน้ำแข็งเกาะ เย็นเร็ว ประหยัดไฟ ราคาไม่แพงแน่นอน


ที่มา thairath.co.th/scoop