springgreenのブログ

タイ料理のレシピ รวมสูตรอาหารไทย

ขนมน้ำตาลดัลโกน่า Dalgona candy

Dalgona candy หากใครได้ดูซีรี่ส์ชื่อดังเรื่อง Squid Game ทาง Netflix คงจะคุ้นเคยกับเจ้าขนมชนิดนี้เป็นอย่างดี เมื่อมันกลายเป็นเกมด่านที่ 2 ซึ่งผู้เล่นจะต้องแกะเอาDalgona ออกมาให้ได้ตามลวดลายที่ปรากฏ หากใครทำไม่สำเร็จจะถูกฆ่าตาย จนกลายเป็นฉากลุ้นระทึกฉากหนึ่งที่ทำเอาผู้ชมแทบนั่งไม่ติด และกลายเป็นกระแสที่โด่งดังไปทั่วโลก ถึงขนาดที่ยอดขายของขนมDalgona ในประเทศเกาหลี พุ่งสูงอย่างถล่มทลาย ชนิดที่ว่าคนขายไม่ได้กลับบ้าน ต้องทำขายติดต่อกัน 7 วัน 7 คืนเลยทีเดียว


Dalgona (ทัลโกนา) คืออะไร


Dalgona(ทัลโกนา) เป็นขนมท้องถิ่นของประเทศเกาหลีใต้ หากเรียกตามภาษาเกาหลี จะเรียกว่า ปบกิ (Ppopgi) มีลักษณะเป็นขนมแผ่นบางๆ ตรงกลางแผ่นจะมีรอยเป็นรูปทรงต่างๆ เช่น ดาว หรือรูปทรงหัวใจ ทำมาจากน้ำตาลและเบกกิ้งโซดา (baking soda) มีรสหวาน เมื่อกัดจะได้สัมผัสกรุบกรอบและกลิ่นน้ำตาลไหม้ที่หอมหวน เป็นขนมที่มักจะขายกันตามหน้าโรงเรียนหรือสถานที่ที่มีเด็กเล็ก ๆ


สำหรับที่มานั้น เชื่อกันว่าเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในช่วงค.ศ 1960 ที่เมืองปูซาน (Busan) เดิมทีจะใช้ก้อนน้ำตาลกลูโคสนำไปละลายในทัพพีบนกองไฟ จากนั้น ใส่เบกกิ้งโซดา คนให้เข้ากัน จนได้ออกมาเป็นขนมหวานน้ำตาลกรอบ มีรูพรุน จึงทำให้มีชื่อเรียกว่า ขนมน้ำตาล หรือ ขนมรังผึ้ง ภายหลังได้เปลี่ยนมาใช้น้ำตาลแทน เพราะไม่เกาะติดกับแผ่นโลหะ สามารถใช้แม่พิมพ์รูปต่าง ๆ ทำรอยได้ โดยรูปที่มักจะพบเห็นกันทั่วไปคือ วงกลม สามเหลี่ยม หัวใจ ดาว ร่ม

วิธีทำขนม Dalgona(ทัลโกนา)


วัตถุดิบ Dalgona Candy สูตรกินเพลินด้วยของใช้ในครัว


ส่วนผสม : น้ำตาลทราย (แดงหรือขาวก็ได้) 3 ช้อนโต๊ะ เบกกิ้งโซดา ¼ ช้อนชา เกลือเล็กน้อย และเนยหรือน้ำมัน


อุปกรณ์ที่ใช้ : แก้วสแตนเลส และแก้วก้นเรียบ กะทะเทฟลอน ตะเกียบ พิมพ์ขนม


วิธีทำ Dalgona Candy สูตรวัตถดิบหาง่ายๆ  ในห้องครัว


เตรียมส่วนผสมตามสัดส่วนให้พร้อมไว้นะคะ เพราะต้องระวังไหม้อย่างมาก ถ้าเคี่ยวน้ำตาลแล้วมัวมาเปิดถุงตักเบกกิ้งโซดาทีหลัง น้ำตาลไหม้ก่อนแน่นอนค่ะ ส่วนในภาพที่เห็นเป็นสีชมพูนั่นคือเกลือชมพูนะคะ ทำดูแล้วรู้สึกชอบรสชาติที่มีเกลือเจืออยู่แล็กน้อยมากกว่า แต่ไม่ถือว่าเป็นส่วนผสมที่จำเป็นต้องใส่ ถ้าชอบหวานโดดไม่ใส่ก็ได้ค่ะ


เทน้ำตาลและเกลือในแก้วสแตนเลส จะใช้หม้อหรือกระทะที่ใช้กับเตาไฟฟ้าก็ได้เช่นกัน พอดีบ้านนี้มีแต่ใบใหญ่เลยเลือกใช้แก้วมากกว่าค่ะ การปรับระดับไฟเลือกไฟอ่อนสำหรับทอด (แล้วแต่ยี่ห้อที่ใช้) ข้อควรระวังคือเตาไฟฟ้าให้ความร้อนถึงตัวน้ำตาลเร็วกว่าแก๊สอย่างมาก ดังนั้นเมื่อวางแก้วแล้วต้องใช้ตะเกียบกวนน้ำตาลทันทีเลยนะคะ ไม่งั้นไหม้ติดก้นแก้วหรือกะทะได้เลยล่ะ


ใช้ตะเกียบกวนอย่างต่อเนื่อง กวนๆ คนๆ ไปพักหนึ่งน้ำตาลก็เริ่มละลายเป็นก้อนลักษณะนี้ หลังจากนั้นจะละลายเป็นคาราเมลเลยค่ะ


ละลายหมดแล้วยกขึ้นจากเตาแล้วใส่เบกกิ้งโซดาลงไปผสมเลยค่ะ อย่าลังเลว่าน้ำตาลยังเข้มไม่พอ เพราะอาจจะไหม้จนมีรสขมไม่อร่อย ที่เกาหลีแม่ค้าใช้ปลายตะเกียบจิ้มเบกกิ้งโซดาแบบไม่ต้องตวงด้วยความชำนาญ แต่มือใหม่ตวงประมาณไว้ก่อนดีกว่าค่ะ เพราะหากใส่เบกกิ้งโซดามากไปน้ำตาลจะฟูฟอดเกินพอดีและอาจมีรสขม


เมื่อคนผสมกับ “เบกกิ้งโซดา” แล้วน้ำตาลจะพองตัวทำให้เนื้อโปร่งเบาเปราะง่ายมากขึ้น บางท่านเข้าใจว่าใช้ “เบกกิ้งพาวเดอร์” แทนได้เพราะชื่อหนึ่งคือ “ผงฟู” แต่ผลที่ออกมาคือน้ำตาลจะแข็งจนเคี้ยวลำบากและเซทตัวเร็วจนอาจไม่ทันกดหรือปั๊มลายเลยล่ะคะ


สินค้าแนะนำ: ถาดอบขนม (Baking Tray) SGETHAI ถาดพื้นผิวเรียบ เพื่อให้สามารถกระจายขนมอบของคุณได้อย่างสม่ำเสมอ


คนผสมจนทั่วแล้วรีบเทลงถาดหรือภาชนะที่เตรียมไว้ได้เลย หากไม่มีกระดาษไขรองกันติด แนะนำให้ทาเนยหรือน้ำมันรองพื้นก่อน เราใช้วิธีเทลงกะทะเทฟลอนเคลือบเนยค่ะ ป้องกันน้ำตาลติดได้ผลกว่าจานหรือถาดอื่น ๆ เมื่อทำสำเร็จน้ำตาลแข็งแล้วค่อยเช็ดน้ำมันออกทีหลังได้ค่ะ


จากนั้นนำก้นแก้วที่ทาน้ำมันไว้กดลงบนน้ำตาลให้บางตามต้องการ เนื่องจากเราทำแผ่นเล็กให้กินได้พอดีคำและได้หลายชิ้นจึงไม่กดมากนะคะ


ใช้พิมพ์ที่มีกดลายลงบนแผ่นน้ำตาลต่อทันทีก่อนแข็งตัว ข้อเสียของการทำหลายชิ้นพร้อมกันคือกดลายไม่ทันค่ะ น้ำตาลแข็งตัวก่อน ต้องทำแบบรวดเร็วหน่อยค่ะ


ลองทำดูแล้ว ไม่ใช่แค่ออกมาเล่นตามเกมสนุก ๆ เท่านั้น จะการทำขนมไม่ให้ไหม้และพิมพ์ลายให้ทันเวลาสนุกยิ่งกว่า ทำไปกินไปเพลินไปอีกค่ะ


แตกบ้างดีบ้าง แต่กรุบกรอบเคี้ยวกินได้ฟันไม่หัก


อันไหนเฟลแกะลายแล้วแตก แนะนำมาโรยบนเครื่องดื่มอย่างนมสด อร่อยไปอี๊ก รับรองความเพลินเลยล่ะ


Cr. sanook.com/women